เปิดมุมมอง ‘สังคมผู้สูงอายุ’ คู่ขนาน ‘วิกฤตและโอกาส’
วันที่ 18 ต.ค. 2567
จากข้อมูลล่าสุดของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ประเทศไทย มีจำนวนผู้สูงอายุอายุเกิน 60 ปี กว่า 13.4 ล้านคน หรือสัดส่วน 20.70% ของจำนวนประชากรไทย ถือว่าก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ขณะที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดประเทศไทย ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบ
สุดยอดและมีสัดส่วนกว่า 30% ในปี 2576 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า
อย่าง “สุรวุฒิ สุขเจริญสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด บริษัทบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์เครือ บริษัท
แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือแอล พี พี มองว่าการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของไทย เป็นทั้งวิกฤต และโอกาส
60 ปี ขึ้นไป รวม 94,095.47 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2% ของงบประมาณปี 2567 ที่ 3.48 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้กับจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ 11.83 ล้านคน คิดเป็นเงิน 93,215 ล้านบาท ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายกองทุนผู้สูงอายุ เงินอุดหนุนแบบต่างๆ จากการคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง ระบุปี 2576 งบประมาณเพื่อดูแลผู้สูงอายุของรัฐบาลไทยสูงถึง 1 ล้านล้านบาทในปี 2576
พันล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1.66 พันล้านคน ในปี 2583 ขยายตัวกว่า 45.2%
ผู้สูงอายุ รวมถึงนำเข้าบุคลากรจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในไทย เพื่อสร้างรายได้ชดเชยวัยแรงงานไทยลดลง ตัวอย่าง สิงคโปร์ ดึงวัยทำงานต่างประเทศ ให้เข้ามาทำงานในสิงคโปร์ ประเทศไทยต้องหาแผนรับมือแก้ไขปัญหาในระยะยาว” สุรวุฒิ กล่าว
⦁ โอกาสของธุรกิจบริการ
ในอนาคต อาทิ ธุรกิจประกัน สำหรับคนวัยทำงานเตรียมพร้อมรับกับการเกษียณในอนาคต ซึ่งวันนี้ประกันชีวิตมีผลิตภัณฑ์หลายแบบที่ตอบโจทย์กับความต้องการ อาทิ กรรมธรรม์ Unit Link หรือประกันควบการลงทุน หรือธุรกิจที่ให้บริการในการปรับปรุงอาคารและที่พักอาศัย ที่จะปรับปรุงอุปกรณ์และติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับกับการใช้งานของผู้สูงอายุ รวมถึง เป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่ปรึกษาด้านการออกแบบ และมีการให้คะแนนสำหรับอาคารทุกประเภท ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาคาร สามารถปรับราคาค่าเช่า และ ราคาขายสูงขึ้นได้
ทั้งเรื่องการตรวจสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงงานบริการภายในอาคาร ต้องจัดกิจกรรมที่พาผู้สูงอายุไปเที่ยว รวมถึงมีกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุทำงานร่วมกัน
ที่บ้าน รวมถึงสถานฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้สูงอายุ เป็นอีกธุรกิจที่มีโอกาสและมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น
อย่าง แอล พี พี บริหารโครงการอาคารชุดพักอาศัยกว่า 260 โครงการ รวม 200,000 ยูนิต ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล พัทยา ชะอำ อุดรธานี ครอบคลุมประชากรไม่น้อยกว่า 400,000 คน ภายใต้แนวคิด Aging in Place ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยในหลายเจเนอเรชั่นตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงวัยให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ ภายใต้สภาวะแวดล้อมและการดูแลที่เหมาะสมกับทุกวัย
ทันสมัย ประกอบกับการที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมักเป็นจุดหมายปลายทางในการพำนักระยะยาวในวัยเกษียณของชาวต่างชาติจากทั่วโลก เป็นอานิสงส์กระตุ้นให้ธุรกิจบริการดูแลผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราที่สูงกว่าภูมิภาคอื่น ๆ
ขณะที่ประเทศไทยมีธุรกิจให้บริการดูแลผู้สูงอายุรูปแบบนิติบุคคล 887 ราย จำนวนโครงการปี 2566 มี 758 แห่ง เป็นประเภทสถานบริบาลผู้สูงอายุ หรือเนอร์สซิ่งโฮม 708 แห่ง ใน 55 จังหวัด และช่วงปี 2561-2566 จำนวนเนอร์สซิ่งโฮม ขยายตัวเฉลี่ย 25.1% ต่อปี และกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ จึงเป็นโอกาสขยายโอกาสธุรกิจให้บริการดูแลผู้สูงอายุและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์ข้อมูลกสิกรไทย คาดจะมีมูลค่าการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้า และบริการสำหรับ
ผู้สูงอายุ ทั้งด้านสุขภาพ บริหารการเงินเพื่อเกษียณ การใช้จ่ายท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในปี 2567 ที่ 1.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปี 2566 คิดเป็นสัดส่วน10% ของ
จีดีพีไทย คาดมูลค่าพุ่งสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท ในปี 2572
ในครอบครัว รวมถึงการให้บริการดูแลสุขภาพรูปแบบดูแลสุขอนามัยที่ดี (Wellness) อย่าง แอล พี พี เราให้ความสำคัญพัฒนางานบริการที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้สูงอายุที่อยู่ในโครงการ มีระบบการลงทะเบียนผู้สูงอายุ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในสถานการณ์ฉุกเฉิน ติดตั้งเครื่อง AED (เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ อัตโนมัติ) ให้ครบทุกโครงการ รวมถึงการจับมือกับโรงพยาบาลในการส่งต่อผู้ป่วยจากโครงการในกรณีฉุกเฉิน และร่วมมือกับพันธมิตร เป็นต้น
ผู้ประกอบการตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป